16 กรกฎาคม 2553

ประโยชน์ของมะระขี้นก

ประโยชน์ของมะระขี้นก

-มะระเป็นพืชล้มลุก ชนิดไม้เถามีมือเกาะ ตามลำต้นมีขน ใบเดี่ยวเรียงสลับรูปฝ่ามือกว้างและยาวประมาณ 4-7 ซม. ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึก 5-7 แฉก ดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกสีเหลืองรูประฆัง

-มะระสามารถแบ่งตามลักษณะของผลได้ 2 ชนิด
1. มะระขี้นก (มะระไทย) คือมะระที่มีผลเล็กๆ สั้นป้อม หัวแหลม ท้ายแหลม ผลยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ผิวผลขรุขระ สีเขียวแก่ รสขมจัดกว่ามะระจีน มะระชนิดนี้เป็นพืชพันธุ์ของไทย และเป็นชนิดที่มีสรรพคุณตามตำรายาไทย
2. มะระจีน ผลยาวใหญ่สีขาวอมเขียว ผิวขรุขระ ร่องใหญ่ ผลยาวประมาณ 4-9 นิ้ว อาจยาวถึง 10-12 นิ้ว นอกจากนี้ลำต้นของมะระจีนยังมีขนเยอะกว่ามะระขี้นก

-สรรพคุณในตำรายาไทย
1.ช่วยเจริญอาหาร ใช้เนื้อของผลที่ยังไม่สุกใช้เป็นอาหาร ผักจิ้ม ต้ม แกง
2.รักษาเบาหวาน ใช้ผลโตเต็มที่ หั่นเนื้อมะระตากแห้ง ชงน้ำ รับประทานต่างน้ำชา
3.แก้ไข้ ผลต้มรับประทานแต่น้ำเป็นยาแก้ไข้ หรือ ดื่มน้ำคั้นจากผล
4.ปากเปื่อย ปากเป็นขุย น้ำคั้นจากผลใช้อม
5.บำรุงระดู ดื่มน้ำคั้นจากผล
6.แผล ฝี ใช้ผลตำพอกฝี แก้บวม แก้ ปวด

-ข้อมูลทางคลินิกในผู้ป่วยติดเชื้อ HIV (ประสบการณ์จากผู้ป่วยที่ใช้สารสกัดจากมะระจีนในต่างประเทศ)ประสบการณ์ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV พบว่าการใช้น้ำคั้นหรือน้ำต้มจากใบหรือผลสดสวนทวารพบว่าค่า CD4 เพิ่มขึ้นจาก 480 เป็น 1060 และ CD4/CD8 เพิ่มขึ้น จาก 0.91 เป็น 1.54 และต่อมาพบว่าการตรวจ P24 antigen จากเลือดให้ผลลบ (เวลาในการสังเกตผลประมาณ 2-3 ปี) อาการข้างเคียงที่พบคือ ร้อนวูบวาบทันทีหลังจากสวนทวาร อึดอัดแน่นท้องถ้าสวนทวารไม่ถูกวิธี การใช้ก่อนนอนอาจทำให้นอนไม่หลับ

-การเตรียมโปรตีนจากมะระขี้นกใช้เองใช้เมล็ดจากผลสุกประมาณ 70 เมล็ด เอาเนื้อเยื่อสีแดงที่หุ้มเมล็ดออก ล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ กระเทาะเปลือกเมล็ด แล้วนำเนื้อสีขาวที่กระเทาะเปลือกออกแล้วมาล้างน้ำ เติมน้ำหรือน้ำเกลือแช่เย็น 90-100 ซีซี ปั่นในเครื่องปั่นจนได้น้ำสีขาวข้น จากนั้นก็กรองด้วยผ้าขาวบาง 2-3 ชั้น นำน้ำที่กรองได้สวนทวารครั้งละ 10 ซีซี ทุกขั้นตอนควรทำในสภาวะที่เย็นเพื่อป้องกันการสลายตัวของโปรตีน

ประโยชน์ของชาเขียว

ประโยชน์ของชาเขียว


-สดชื่น...แจ่มใส !!! สดชื่นยังไงหน่ะเหรอจ๊ะ เอาตั้งแต่เริ่มแรกกันเลยนะ ชาช่วยทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราสดชื่นสะอาดปลอดโปร่งและน่าอยู่ขึ้น มีงานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ว่า ถุงชา (tea bag) ช่วยบำบัดโรค "sick-house syndrome" หรือ "มลภาวะภายในอาคารเป็นพิษ" (Indoor Air Pollution) ซึ่งเป็นอาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากการแพ้อากาศภายในอาคารและบ้านที่พักอาศัย เช่น สารเคมีจากสีทาบ้านหรือจากเฟอร์นิเจอร์ต่า ๆ ภายในบ้านเนื่องจากสารฟอร์มัลดีไฮด์ (formal-dehyde) ที่ผสมอยู่ในสารเคมีเพื่อการตกแต่งบ้าน มักจะส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ อาจเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้และมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ จากการทดลองพบว่าใบชาดำหรือชาเขียว ทั้งที่ยังใหม่และที่ใช้แล้ว (ผ่านการชงแล้ว) จะดูดสารนี้ไว้แล้วไม่ปลดปล่อยสารกลับเข้าสู่บรรยากาศหลังจากดูดไว้แล้ว และถ้าทิ้งใบชาไว้ในที่อับหรือปิด เช่น ในตู้เก็บถ้วยชาม ใบชาจะช่วยลดปริมาณของสารฟอร์มัลดีไฮด์ที่มีอยู่ในอากาศอีกด้วย
-กำจัดเนื้อร้าย ในชาเขียวมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ ที่จำเป็นต่อการเติบโตหรือการลุกลามของเซลล์มะเร็ง และสามารถทำลายหรือฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยไม่มีผลกระทบกับเซลล์ดีอื่น ๆ ยังมีผลการวิจัยอื่น ๆ อีกพบว่า ชาเขียวอาจจะเป็นอาวุธที่ใช้กำจัดบรรดาเนื้อร้ายต่าง ๆ ให้ราบคาบลงได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งในหลอดอาหารและมะเร็งในตับ เป็นต้น มีผลการศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ชัดว่า ญี่ปุ่นซึ่งมีอัตราของผู้สูบบุหรี่สูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง แต่กลับมีอัตราของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดต่ำสุด เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาประเทศที่พัฒนาอื่น ๆ ทั้งนี้เนื่องมาจากชาวญี่ปุ่นบริโภคชา พร้อมกับอาหารเป็นประจำทุกมื้อมาช้านานแล้ว เ
-รื่องของหัวใจ??? มีการศึกษาว่า การดื่มชาเขียวช่วยลดอัตราการเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) จากผลการวิจัยอื่น ๆ ยังพบอีกว่า ชาเขียวมีสรรพคุณเทียบเท่ายาแอสไพริน ในการช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจวายและหลอดเลือดสมอง นอกจากนั้นแล้วยังมีการวิจัยพบว่าสตรีชาวญี่ปุ่นอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่สูบบุหรี่ แต่บริโภคชาเขียวเป็นประจำประมาณห้าถ้วยต่อวัน มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์
-น้ำพุแห่งวัยหนุ่มสาว มีการพิสูจน์แล้วว่าสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว สามารถช่วยชะลอความชราและคงความเยาว์วัยได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวไม่เพียงแต่จะมีประสิทธิภาพสูงมากกว่าวิตามินซีถึง 100 เท่า แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินอีอีกถึง 25 เท่าในการทำลายอนุมูลอิสระ (สาว ๆ ตาโตกันเชียว)
-ต้านโรคไขข้ออักเสบ กล่าวกันว่าชาเขียวช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบรูห์มาติก (rheumatoid arthritis) ที่มักจะเกิดกับสตรีวัยกลางคน อาการของโรคโดยทั่วไปคือมีอาการของการอักเสบบวมแดง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ
-ลดระดับคอเลสเทอรอล สารแคเทชินในชาเขียว ช่วยทำลายคอเลสเทอรอล และกำจัดปริมาณของคอเรสเทอรอลในลำไส้ แค่นั้นยังไม่พอ ชาเขียวยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอดีอีกด้วย
-ควบคุมน้ำหนัก ถ้าคุณกำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ การจิบชาเขียวสามารถช่วยได้ดีทีเดียว จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์พบว่า ชาเขียวช่วยเร่งให้ร่างกายมีการเผาผลาญอาหารและไขมันมากขึ้น
-ต่อสู้กลิ่นปากและแบคทีเรีย ป้องกันฟันผุ การดื่มชาเขียวนอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่นแล้ว ยังช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่นและป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย อันที่จริงแล้วพบว่าชาเขียวเป็นตัวช่วยยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก ต่อสู้กับเชื้อไวรัสในปากโดยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ผลการทดลองชี้ว่ายาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากอย่างเดียวนั้น ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส ผลการศึกษาสรุปว่า สารพอลิฟีนอลส์ในชาเขียวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียถึง 30% และลดการผลิตของสารประกอบที่เป็นสาเหตุทำให้ลมหายใจเหม็นบูด นอกจากนี้ชาเขียวมีสรรพคุณช่วยป้องกันฟันผุ โดยช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ชื่อ Streptococcus mutans ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดหินปูนที่มาเกาะฟัน คนส่วนใหญ่จะดื่มชาเขียวหลังอาหาร เพื่อช่วยให้ลมหายใจและกลิ่นปากสะอาดสดชื่น
-ป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวี ข้อมูลในวารสารวิทยาภูมิคุ้มกันทางการแพทย์ และโรคภูมิแพ้ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายนตีพิมพ์ไว้ว่า สารแคเทชินในชาเขียวโดยเฉพาะพระเอกตัวเก่ง EGCG มีสรรพคุณป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ชาเขียวเข้มข้นช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวี จับตัวกับเซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิดที่มีความสำคัญต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเราที่เรียกว่า "ทีเซลล์" (T cells) ซึ่งเป็นด่านแรกที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ ถ้ามีผลการศึกษาเพิ่มเติมยืนยันผลการวิจัยดังกล่าวนี้ นักวิจัยกล่าวว่าจะนำสารในชาเขียวมาใช้ทดลองในการผลิตยาชนิดใหม่ เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อเอชไอวี

-นอกจากประโยชน์และสรรพคุณมากมายจากการดื่มชาเขียวที่บอกไปแล้วนั้น ชาเขียวยังมีประโยชน์อีกมากมายอาทิ ช่วยห้ามเลือดหรือทำให้เลือดไหลช้าลง บรรเทาอาการผื่นคันและแมลงสัตว์กัดต่อย น้ำมันจากต้นชาที่ผสมในแชมพูและครีมบำรุงผิวช่วยบำรุงผิว และทำให้เส้นผมเป็นประกายเงางาม นอกจากนี้นักวิจัยยังกำลังศึกษาเพิ่มเติมว่าชาเขียวอาจจะช่วยป้องกันผิว จากอันตรายของแสงแดดได้

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้


-แก้ปวดศีรษะ นำว่านหางจระเข้ตัดให้เป็นแว่นบางๆ เอาปูนแดงทาที่วุ้น แล้วปิดที่ขมับ จะทำให้เย็นหายปวด

-แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ใช้น้ำเมือกจากว่านหางจระเข้รักษา แผลไฟลวก ขนาดรุนแรงที่สุด โดยทาน้ำเมือกที่แผลให้เปียกอยู่เสมอ แผลจะหายรวดเร็วมาก อาการปวดแผลหรือการเกิดแผลเป็นจะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย

-ผิวไหม้เพราะถูกแดดเผา ใช้วุ้นหางจระข้ทาบ่อยๆ ช่วยลด อาการปวดแสบปวดร้อน ผิวตึง และลดจำนวนผิวที่ลอก

-แผลจากของมีคมและแผลอื่นๆ ทำความสะอาดแผลเสียก่อน แล้วเอาวุ้นปิดลงที่แผลให้สนิท เอาผ้าปิดไว้ แล้วหยอดน้ำเมือกลงไปให้ผ้าตรงบริเวณที่แผลเปียกอยู่เสมอ ช่วยให้แผลหายเร็ว และลดรอยแผลเป็น

-กระเพาะลำไส้อักเสบ รับประทานวุ้นหางจระเข้ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ วันละหลายๆ ครั้ง ใช้ได้ผลในรายที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรืออวัยวะอื่น ในทางเดินอาหารเกิดการอักเสบ

-บำรุงผมและหนังศีรษะ ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ ชโลมผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้ง รุ่งเช้าจึงใช้น้ำล้างออก ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม หวีง่ายขึ้น และรักษาแผลบนหนังศีรษะ ( ก่อนใช้ควรทดลองก่อนว่า แพ้ว่าน หรือไม่ และควรใช้แต่น้อยดูก่อน ที่สำคัญอย่าให้ยางถูกผมเพระายางจะ กัดหนังหัว)

- ป้องกันการติดเชื้อ ใช้วุ้นหางจระเข้ ทาแผลรักษาแผลติดเชื้อได้ ทำให้แผลดีขึ้น ภายใน ๑๒ ชั่วโมง

-ผื่นคันที่เกิดจากการแพ้สารต่างๆ เนื่องจากวุ้นหางจระข้จะมีฤทธิ์ระงับปวด จึงช่วยลดอาการคันด้วย และยังช่วยให้ผื่นคันหายเร็ว

-ขี้เรือนกวาง และผื่นปวดแสบปวดร้อน ใช้วุ้นหางจระเข้ กินวันละ ๑-๒ ครั้งๆ ละ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ และทาควบคู่กันไป ว่านหางจระเข้ เป็นยาฝาดสมาน อาจทำให้ผิวแห้งได้ จึงควรผสมน้ำมันทาผิว หรือ น้ำมันอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย-ลบรอยแผลเป็น ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทา เช้า-เย็น จะลดรอย แผลเป็น

-ลบท้องลายหลังคลอด ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาผิวท้อง ขณะตั้ง ครรภ์ แม้หลังคลอดแล้วก็ควรใช้ทาต่อเพื่อช่วยให้ผิวหน้าท้องกลับคืนสู่ สภาพปกติ คนที่เคยใช้ยืนยันว่าได้ผลดี

-เส้นเลือดดำขอดที่ขา ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ ทาที่บริเวณเส้นเลือด ดำขอด และมีบางคนใช้ได้ผลดีมาก

-มะเร็งที่ผิวหนัง ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ ทาวันละ ๒-๔ ครั้ง เป็นเวลาหลายเดือน

-แผลครูดและแผลถลอก ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาเบาๆ ให้ทั่วใน ๒๔ ชั่วโมงแรก ทาบ่อยๆ แผลจะไม่ค่อยเจ็บและหายเร็วมาก

-โรคปวดตามข้อ รับประทานวุ้นว่านหางจระเข้ เป็นประจำจะหาย ปวดได้

ประโยชน์ของสะระแหน่

ประโยชน์ของสะระแหน่







สะระแหน่ เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์หลายอย่าง วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...
- สะระแหน่สามารถแก้อาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลมในกระเพาะ โดยการนำน้ำที่คั้นจากต้น และใบมาใช้ดื่ม หรือจะรับประทานสด ๆ เพื่อดับกลิ่นปาก
- ช่วยลดอาการจุกเสียดท้องในเด็กได้ โดยนำใบสะระแหน่ 2-3 ใบ มาบดให้ละเอียด ผสมกับยาหอม แล้วนำมากวาดคอเด็ก อาการเสียดท้องจะทุเลาลง เพราะน้ำมันหอมระเหย ของสะระแหน่ ยังเป็นยาที่ช่วยยับยั้งเชื้อโรค และลดอาการเกร็งของลำไส้
- นอกจากนี้ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โล่งคอ ป้องกันไข้หวัด บำรุงสายตา และช่วยให้หัวใจแข็งแรง
- สะระแหน่มี เบต้า-แคโรทีน มากถึง 538.35RE แคลเซียม 40 กรัม วิตามินซีถึง 88 มิลลิกรัม เมื่อทาน 100 กรัม

รู้อย่างนี้แล้วก็ลองหันมาทานสะระแหน่กันได้ เพื่อสุขภาพที่ดี.

ประโยชน์ของหอมแดง

ประโยชน์ของหอมแดง


-"หอมแดง" มักถูกใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นลาบ น้ำตก หรือเป็นผักกินแกล้มกับอาหารเช่นข้าวซอย หรือเป็นส่วนประกอบในน้ำจิ้มอาจาด ซึ่งส่วนประกอบเล็กๆ อย่างหอมแดงนี้ก็ให้คุณประโยชน์กับคนกินมากมายเช่นกัน

-ในหอมแดงหัวเล็กๆ นี้ มีประโยชน์มากกว่าลูกพี่อย่างหอมหัวใหญ่เสียอีก โดยในหอมแดงสดจะมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบ อีกทั้งยังมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และหากกินเป็นประจำก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดไขมันในเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

-นอกจากนั้นในหอมแดงยังมีธาตุฟอสฟอรัสปริมาณสูง ช่วยให้มีความจำดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี แถมยังช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้าสาวๆ ได้อีกด้วย แค่ทุบหรือฝานหอมแดงให้เป็น

-แว่นบางๆ ทาบริเวณที่เป็นสิว ฝ้า หรือมีจุดด่างดำ และนอกจากหอมแดงจะมีประโยชน์จากการกินแล้ว สำหรับคนที่เป็นหวัดคัดจมูก หอมแดงก็สามารถช่วยคุณได้ เพียงนำหัวหอมแดงมาบุบให้แตกสักหน่อยแล้วห่อผ้าวางไว้ใกล้หมอน น้ำมันหอมระเหยจากหอมแดงก็จะทำให้หายใจได้คล่องขึ้น นอนหลับสบายตลอดคืน

ประโยชน์ของพริก

ประโยชน์ของพริกป่น



-ใครที่ชอบทานเผ็ด แล้วใส่พริกป่นเยอะ ๆ ทราบหรือไม่ว่า พริกป่นนอกจากจะให้รสเผ็ดแล้ว ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...

1. ในพริกป่นมีทั้งรสและกลิ่นเผ็ดร้อนที่ช่วยให้เกิดอาการตื่นตัว ส่วนประกอบในพริกที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นก็คือ capsaicin
2. capsaicin มีความสามารถในการกำจัดเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเซลล์ดีภายในร่างกาย ซึ่งอีกไม่นานจะมีการแนะนำให้ใช้ capsaicin ในการรักษามะเร็ง นับเป็นการบำบัดแบบใหม่ที่มีทิศทางที่ดีในอนาคต
3. พริกป่นช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อหลังได้ดี
4. พริกป่นช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
5. พริกป่น เปรียบเสมือนดีท็อกซ์ของร่างกาย เพราะในพริกป่นมีสารที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการทำความสะอาดร่างกายด้วยตัวเอง ทั้งยังช่วยยับยั้งเมือกที่จับอยู่ภายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย

-รู้อย่างนี้แล้วหันมาทานเผ็ดเพื่อสุขภาพกันดีกว่า แต่ก็อย่าเผ็ดมากจนเกินไป เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายก็ได้.

ประโยชน์ฟ้าทะลายโจร

ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจร



-ทุกส่วนของฟ้าทะลายโจรมีรสขม จึงมีคุณสมบัติเป็นยาได้ดี โดยสรรพคุณหลักๆ ของฟ้าทะลายโจร มี 4 ประการ

1.แก้ไข้ทั่วไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับรองว่า ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ผู้ที่เป็นหวัด หรือร้อนในบ่อยๆ หากรับประทานฟ้าทะลายโจร จะสามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น จึงไม่เป็นหวัดง่าย อาการร้อนในจะหายไป

2.ระงับอาการอักเสบ เช่น อาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนัง ฝี ฯลฯ

3.แก้อาการติดเชื้อ เช่น ท้องเสีย กระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ

4.เป็นยาขม ช่วยให้เจริญอาหาร

ทั้งนี้ ฟ้าทะลายโจรนี้สามารถเสริมภูมิต้านทานดีกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะ อีกทั้งไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน หรือดื้อยา เหมือนยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจร ยังช่วยป้องกันตับ จากสารพิษหลายๆ ชนิด เช่น จากยาแก้ไข้พาราเซตามอล หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย

ประโยชน์ของแครอท

ประโยชน์ของแครอท



-แครอทเป็นพืชกินหัวที่มีปลูกมากในประเทศไทย และเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว แครอท เกิดในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง ออกดอกราวเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ดอกแตกเป็นชั้นคล้ายร่ม ชั้นนอกสีชมพู ตรงกลางสีม่วงแดง แครอทสมัยโบราณมีเนื้อแข็ง เสี้ยนเยอะเหมือนไม้ สีของหัวแครอทมีตั้งแต่สีเหลืองไปจนถึงสีม่วง แต่แครอทสีส้มที่รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นแครอทที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์เมื่อศตวรรษที่ 18 นี้เอง
-สารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์ของมะเร็ง ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในปอดได้ ซึ่งคนที่กินผักที่มีเบต้าแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอดมากเป็นเจ็ดเท่าของคนที่กินมากที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดี
-และยังมีแคลเซียมเพคเตทที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ลดการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว นอกจากนั้นในแครอทยังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและลดการเสื่อมของตา มีสารต่างๆ ที่เป็นทั้งเกลือแร่และวิตามินอีกมากมาย เช่นธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มีวิตามินเอ บี1 บี2 และวิตามินซี อีกทั้งยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังและเส้นผมให้มีสุขภาพดีอีกด้วย

08 กรกฎาคม 2553

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

ประโยชน์ของมะเขือเทศ



-เป็นพืชล้มลุกอายุเพียง 1 ปี ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อย มีผลเป็นผลเดี่ยว มะเขือเทศจะมีสารจำพวก แคโรทีนอยด์ เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร วิตามินซี วิตามินเอ โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน บี1 บี2 วิตามินเค คุณประโยชน์

1. ผลมีรสเปรี้ยว ช่วยดับกระหาย ทำให้เจริญอาหาร บำรุงและกระต้นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไต ให้ทำงานได้ดีด้วยช่วยขับพิษและสิ่งคั่งค้างในร่างกายเป็นยาระบายอ่อน ๆ และเหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนเป็นโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบ และเหยื่อตาอักเสบ โดยรับประทานผลสด ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
2. ช่วยเป็นยารักษาโรคผิวหนังที่โดนแดดเผาโดยใช้ใบตำให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็น
3. ช่วยแก้อาการปวดฟัน โดยนำราก ลำต้น และใบแก่ต้มกับน้ำรับประทาน
4. ช่วยรักษาสิว สมานผิวหน้าให้เต่งตึง โดยใช้น้ำมะเขือเทศพอกหน้า หรืออาจจะมะเขือเทศสุกฝานบาง ๆ แปะบนใบหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม

-มะเขือเทศช่วยแต่งรสอาหารให้มีรสเปรี้ยว และนำมาประกอบอาหารต่าง ๆ มากมาย เช่น สลัด ยำต่าง ๆ รสเปรี้ยวหวาน ข้าวผัด ส้มตำ ซุป ต้มยำ ซอสมะเขือเทศ ทำเป็นเครื่องดื่ม คือ น้ำมะเขือเทศ หรืออาจจะรับประทานสด นอกจากนี้ยังใช้แต่งอาหารให้มีสีแดง เช่น ซอสมะเขือเทศ